สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันปี 2567 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มคาดการณ์ครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566 อันเนื่องมาจากการที่กลุ่มกบฏฮูตีทำการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงได้ส่งผลกระทบต่อการเดินเรือในภูมิภาคดังกล่าว อย่างไรก็ดี IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้อยกว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดการณ์ไว้
IEA คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้น 110,000 บาร์เรล/วันจากการคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าปี 2566 ซึ่งอุปสงค์น้ำมันขยายตัวแข็งแกร่งถึง 2.3 ล้านบาร์เรล/วัน นอกจากนี้ IEA ยังได้ปรับลดคาดการณ์อุปทานน้ำมันในปี 2567 โดยคาดว่าอุปทานจะเพิ่มขึ้นเพียง 800,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 102.9 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 103.8 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากที่กลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มจากยอดเกินดุลก่อนหน้า IEA ระบุในแถลงการณ์ว่า "แม้เราคาดว่าอุปสงค์น้ำมันในปี 2567 จะขยายตัวน้อยกว่าในปี 2566 แต่เรามองว่าปริมาณการใช้น้ำมันจะยังคงมีโอกาสที่จะกลับไปสู่ทิศทางเดียวกับในอดีต หลังจากตลาดผันผวนมาเป็นเวลาหลายปีอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (12 มี.ค.) โอเปกได้คงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันเอาไว้ที่ระดับ 2.25 ล้านบาร์เรล/วันสำหรับปี 2567 ซึ่งหมายความว่าตัวเลขคาดการณ์ของโอเปกสูงกว่า IEA เกือบ 1 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็นเกือบ 1% ของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในแต่ละวัน
นอกจากนี้ IEA ระบุว่า การหยุดชะงักของการขนส่งสินค้าผ่านทะเลแดงทำให้มีการเปลี่ยนมาใช้เส้นทางเดินเรืออ้อมแหลมกู๊ดโฮปเพิ่มมากขึ้น และส่งผลให้มีน้ำมันตกค้างอยู่กลางทะเลในปริมาณเกือบ 1.9 พันล้านบาร์เรล ณ สิ้นเดือนก.พ.
ทั้งนี้ เส้นทางเดินเรือที่ใช้เวลานานขึ้นส่งผลให้อุปสงค์เชื้อเพลิงและขั้นตอนการโหลดเชื้อเพลิงลงเรือนั้นพุ่งแตะระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ท่าเรือสิงคโปร์