กลุ่มนักวิจัยเปิดเผยรายงานในวันนี้ (4 เม.ย.) ว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ส่วนใหญ่ที่ทำให้โลกร้อนตั้งแต่ปี 2559 มาจนถึงปัจจุบัน มีต้นตอหลักมาจากกลุ่มผู้ผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลและซีเมนต์ 57 ราย
รายงาน 'Carbon Majors' โดย InfluenceMap องค์กรคลังสมองที่ไม่แสวงผลกำไร ระบุว่า เหล่าผู้ผลิต 57 รายนี้ ซึ่งรวมถึงรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ ตลอดจนบริษัทเอกชนและมหาชน เป็นผู้ปล่อยก๊าซ CO2 ถึง 80% ของโลกที่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและการผลิตซีเมนต์ ระหว่างปี 2559-2565
รายงานระบุว่า 3 อันดับแรกของบริษัทที่ปล่อยก๊าซ CO2 มากที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าวประกอบด้วยซาอุดีอารามโค (Saudi Aramco) บริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย, ก๊าซพรอม (Gazprom) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัฐบาลรัสเซีย และโคลอินเดีย (Coal India) ผู้ผลิตถ่านหินของรัฐบาลอินเดีย
รายงานระบุว่า บริษัทส่วนใหญ่ได้เพิ่มการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลของตนตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งเป็นปีที่เกือบทุกประเทศลงนามในข้อตกลงปารีสของสหประชาชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นับตั้งแต่นั้นมา แม้รัฐบาลและบริษัทหลายแห่งตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซ CO2 อย่างเข้มงวดขึ้นและขยายพลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว แต่กลุ่มนี้ก็ยังผลิตและใช้น้ำมันเชื้อเพลิงฟอสซิลมากขึ้นด้วย ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า ปริมาณก๊าซ CO2 ที่ปล่อยออกมาจากการใช้พลังงานของทั่วโลก พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว
InfluenceMap ระบุว่า ผลการค้นพบเผยให้เห็นว่า ปริมาณก๊าซ CO2 ที่ปล่อยออกมาส่วนใหญ่มาจากกลุ่มบริษัทเพียงส่วนน้อย และเป้าหมายของรายงานชุดนี้คือเพิ่มความโปร่งใสว่ารัฐบาลและบริษัทใดบ้างที่เป็นผู้ก่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นายดาน ฟาน แอคเคอร์ ผู้จัดการโครงการ InfluenceMap กล่าวว่า "รายงานนี้มีประโยชน์ในหลายกรณี ตั้งแต่การใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องเพื่อหาตัวผู้ผลิตที่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายจากสภาพภูมิอากาศ ไปจนถึงการใช้ในเชิงวิชาการเพื่อประเมินบทบาทของบริษัทเหล่านี้ออกมาเป็นตัวเลข หรือเพื่อการรณรงค์ของนักกิจกรรม หรือแม้แต่นักลงทุน"
อนึ่ง ฐานข้อมูล Carbon Majors ฉบับก่อนหน้าเคยถูกใช้อ้างถึงในคดีที่เกษตรกรชาวเบลเยียมยื่นฟ้องบริษัทน้ำมันและก๊าซสัญชาติฝรั่งเศสอย่างโททาลเอนเนอร์ยี่ส์ (TotalEnergies) โดยเกษตรกรให้เหตุผลว่า โททาลเอนเนอร์ยี่ส์เป็นหนึ่งในบริษัทที่ปล่อยก๊าซ CO2 มากที่สุด 20 อันดับแรกของโลก ซึ่งนำไปสู่ปัญหาสภาพอากาศรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อการทำไร่ของเขา ดังนั้นบริษัทฯ จึงต้องรับผิดชอบบางส่วนต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับไร่ของเขาด้วย
ฐานข้อมูลนี้เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2556 โดยสถาบันความรับผิดชอบด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Accountability Institute) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่ไม่แสวงผลกำไร โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลที่บริษัทต่าง ๆ รายงานด้วยตัวเองเกี่ยวกับการผลิตถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซ ร่วมกับแหล่งข้อมูลอื่น ๆ เช่น จากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA), สมาคมเหมืองแร่แห่งชาติต่าง ๆ และข้อมูลอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม
ด้านนายแคร์โรล มัฟเฟตต์ ซีอีโอของศูนย์กฎหมายสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร กล่าวว่า ฐานข้อมูลนี้จะช่วยพัฒนาความสามารถของนักลงทุนและผู้ฟ้องร้องในการติดตามการดำเนินงานของบริษัทต่าง ๆ ในระยะยาว