สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของความต้องการน้ำมันในปี 2567 ลงในวันศุกร์ (12 เม.ย.) โดยให้เหตุผลว่าการบริโภคในกลุ่มประเทศ OECD ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมก็ซบเซาลง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า IEA ได้ปรับลดแนวโน้มการเติบโตสำหรับปีนี้ลง 130,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) สู่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเสริมว่าการปลดปล่อยความต้องการที่สะสมไว้ (pent-up demand) ของจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก หลังจากผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 นั้น ได้ดำเนินมาจนสุดทางแล้ว
"ข้อมูลการส่งมอบสำหรับหลายประเทศชี้ให้เห็นถึงความซบเซา เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นผิดปกติในช่วงปลายฤดูหนาวทำให้การใช้เชื้อเพลิงสำหรับทำความร้อนในกลุ่มประเทศ OECD ลดลงมากกว่าปกติ" IEA ระบุในรายงานคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันรายเดือน
"นอกจากนี้ การชะลอตัวของกิจกรรมในภาคการผลิตที่ยืดเยื้อในประเทศที่พัฒนาแล้วยังคงกดดันความต้องการเชื้อเพลิงอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องอีกด้วย"
IEA ระบุว่า การเติบโตของความต้องการน้ำมันในปี 2568 จะลดลงเหลือ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยคาดว่าการเติบโตของ GDP ทั่วโลกจะทรงตัวและการขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้า (EV) คาดว่าจะเร่งตัวขึ้น
IEA ตั้งข้อสังเกตว่า บทบาทของจีนต่อการเพิ่มขึ้นของความต้องการน้ำมันทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 79% ในปี 2566 เป็น 45% ในปี 2567 และ 27% ในปี 2568