นายเลอ มิงห์ ไค รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามออกมาแสดงความมั่นใจในวันนี้ (23 พ.ค.) ว่าการปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าจะช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าซ้ำรอยปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว
นายไคระบุว่า โครงการโครงข่ายไฟฟ้าทางตอนเหนือของเวียดนามมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนมิ.ย. โดยคาดการณ์ว่าจะทำงานได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน นายไคได้ให้เห็นเกี่ยวกับความคืบหน้าในการทำให้โครงข่ายไฟฟ้าแข็งแกร่งขึ้น โดยระบุว่า แม้ปีนี้อากาศจะร้อนแต่เวียดนามจะไม่ขาดแคลนไฟฟ้า
นายไคกล่าวเสริมว่า "เราจะไม่เผชิญเหตุการณ์แบบเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว" และมีอุปทานไฟฟ้าเพียงพอ
สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า เวียดนามได้เผชิญกับปัญหาด้านพลังงานที่ไม่มั่นคง เนื่องจากไม่มีการลงทุนอย่างเพียงพอในด้านโครงสร้างพื้นฐานมายาวนาน ซึ่งส่งผลกระทบกับเวียดนามอย่างมากในช่วงที่เผชิญกับคลื่นความร้อน อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อบทบาทของเวียดนามในฐานะฐานการผลิตของบริษัทระดับโลกต่าง ๆ เช่น ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) และฟอกซ์คอนน์ (Foxconn)
นายไคยอมรับว่า ปัญหาการขาดแคลนพลังงานเมื่อปีที่แล้วเป็นปัญหาคอขวดต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งหากอ้างอิงจากการประมาณการเบื้องต้นของธนาคารโลกพบว่า ต้นทุนทางเศรษฐกิจจากเหตุไฟฟ้าดับของเวียดนามเมื่อเดือนพ.ค.-มิ.ย. 2566 อยู่ที่ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
การเกิดปัญหาไฟฟ้าดับในช่วงที่สภาพอากาศร้อนจัดนั้นได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่าง ๆ ในปี 2566 โดยที่โรงงานต่าง ๆ จำเป็นต้องลดการใช้พลังงานลง และทางภาคเหนือของเวียดนามที่พึ่งพาไฟฟ้าพลังน้ำเป็นหลัก ต้องประสบปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าในเดือนพ.ค.-มิ.ย. 2566 เนื่องจากทรัพยากรน้ำที่ลดลงในพื้นที่ภูเขา