บรรดาผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซเริ่มระงับการดำเนินงานในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ และอพยพคนงานออกจากแท่นขุดเจาะในวันอังคาร (5 พ.ย.) ก่อนที่พายุเฮอร์ริเคนช่วงปลายฤดูจะพัดเข้าถล่มพื้นที่นอกชายฝั่ง
ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯ (NHC) ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับพายุโซนร้อนราฟาเอลซึ่งกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในอีก 24-36 ชั่วโมงต่อจากนี้ และคาดว่าจะกลายเป็นพายุเฮอร์ริเคนระดับ 1 ภายในช่วงเช้าวันพุธ (6 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น
นักวิเคราะห์คาดว่า เหล่าผู้ผลิตอาจสูญเสียปริมาณการผลิตน้ำมันไปประมาณ 3.1-4.9 ล้านบาร์เรล และก๊าซธรรมชาติประมาณ 4.56-6.39 พันล้านลูกบาศก์ฟุต
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นราว 1% ในวันอังคาร แตะที่ 72.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากความกังวลเกี่ยวกับพายุ
บริษัทเชฟรอน (Chevron) ซึ่งดำเนินการแท่นขุดเจาะแองเคอ (Anchor) ไบลด์เฟธ (Blind Faith) และบิ๊กฟุต (Big Foot) เปิดเผยว่า บริษัทได้ระงับการผลิตและอพยพคนงานแล้ว เช่นเดียวกันกับเอควินอร์ (Equinor) บริษัทพลังงานของนอร์เวย์ ซึ่งระงับการผลิตที่แท่นขุดเจาะไททัน (Titan) และคาดว่าจะอพยพคนงานทั้งหมดได้แล้วเสร็จในวันนี้
ขณะเดียวกัน บีพี (BP) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ระบุว่า บริษัทได้ยกระดับความปลอดภัยให้กับสิ่งปลูกสร้างนอกชายฝั่งและอพยพคนงานผลิตน้ำมันนอกชายฝั่งบางส่วนออกจากโรงงานอาร์กอส (Argos) แอตแลนทิส (Atlantis) แมดด็อก (Mad Dog) นากิกา (Na Kika) และธันเดอร์ฮอร์ส (Thunder Horse)
ด้านเชลล์เปิดเผยในวันจันทร์ (4 พ.ย.) ว่า บริษัทระงับการดำเนินงานขุดเจาะและเริ่มพาพนักงานบางส่วนออกจากแท่นขุดเจาะแอปโพแมตทอกซ์ (Appomattox) วิโต (Vito) มาร์ส (Mars) และโรงงานผลิตแห่งอื่น ๆ เพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากพายุเรียบร้อยแล้ว