ชาวอังกฤษกำลังเผชิญกับวิกฤตค่าครองชีพครั้งใหม่ หลังหน่วยงานกำกับดูแลด้านพลังงาน "Ofgem" ประกาศปรับเพิ่มเพดานราคาพลังงานขึ้น 6.4% ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนเม.ย.เป็นต้นไป
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานวันนี้ (25 ก.พ.) ว่า เพดานราคาพลังงานคือมาตรการควบคุมราคาสูงสุดที่บริษัทพลังงานสามารถเรียกเก็บจากผู้บริโภคได้ การปรับขึ้นครั้งนี้ทำให้ค่าไฟฟ้าและก๊าซเฉลี่ยสำหรับครัวเรือนทั่วไปจะสูงขึ้นจาก 1,738 ปอนด์ เป็น 1,849 ปอนด์ต่อปี (2,334.18 ดอลลาร์) เพิ่มขึ้นถึง 111 ปอนด์
การปรับขึ้นครั้งนี้นับเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน สร้างความกังวลให้กับรัฐบาลอังกฤษที่มีนโยบายหาทางลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยเฉพาะหลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค.ที่สูงเกินคาด
สาเหตุของการปรับขึ้นราคาเกี่ยวข้องกับราคาก๊าซมาตรฐานของอังกฤษที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีเมื่อต้นเดือนก.พ. อันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นทำให้มีการเบิกใช้ก๊าซจากคลังสำรองของอังกฤษและยุโรปในปริมาณมาก รวมถึงข้อตกลงการส่งก๊าซจากรัสเซียผ่านยูเครนที่หมดอายุลงเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ราคาขายส่งก๊าซและไฟฟ้าเป็นส่วนสำคัญในสูตรที่ Ofgem ใช้ในการคำนวณเพดานราคา
เอ็ด มิลิแบนด์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานอังกฤษ กล่าวว่า รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านโครงการ Warm Home Discount ที่มอบส่วนลดค่าพลังงาน 150 ปอนด์ในช่วงฤดูหนาว พร้อมเน้นย้ำถึงเป้าหมายระยะยาวในการพัฒนาอังกฤษให้เป็น "มหาอำนาจด้านพลังงานสะอาด" เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลราคาแพง
ทั้งนี้ กลุ่มองค์กรเพื่อผู้บริโภคได้เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น การกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าพิเศษสำหรับผู้มีรายได้น้อย หรือโครงการช่วยเหลือผู้มีหนี้ค่าพลังงาน
นักวิเคราะห์จาก Cornwall Insights คาดการณ์ว่า เพดานราคาอาจลดลงในเดือนก.ค.มาอยู่ที่ 1,756 ปอนด์ต่อปี แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูงเนื่องจากความผันผวนของตลาดพลังงานโลก