สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 10.5 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 1,313.2 ดอลลาร์/ออนซ์ สำหรับตลอดสัปดาห์ สัญญาทองร่วงลง 2.9%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับลง 3 เซนต์ หรือ 0.14% ปิดที่ 21.837 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปรับตัวขึ้น 3.5 ดอลลาร์ หรือ 0.24% ปิดที่ 1,451.9 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ดีดขึ้น 1.45 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 738.25 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอื่นๆ ปรับตัวขึ้นแตะ 80.727 เมื่อวันศุกร์ จาก 80.221 เมื่อวันพฤหัสบดี
ดอลลาร์แข็งค่าค่อนข้างมากในช่วงหลายวันมานี้ ซึ่งทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ที่ซื้อขายกันในสกุลเงินดอลลาร์ เช่น ทอง มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ที่ถือสกุลเงินอื่นๆ โดยดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากมุมมองเศรษฐกิจในเชิงบวกของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งวิตกว่าเฟดอาจจะยังคงตัดสินใจลดมาตรการกระตุ้นทางการเงินภายในปีนี้
ขณะเดียวกัน การคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรปจะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ได้กดดันให้ยูโรให้อ่อนค่าลง โดยนักลงทุนคาดว่าอีซีบีจำเป็นต้องผ่อนคลายนโยบาย เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินฝืด
นักวิเคราะห์ระบุว่า ทั้งสองปัจจัยดังกล่าวหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาก ซึ่งกลายเป็นแรงกดดันต่อราคาโลหะมีค่าอย่างทองคำ
นอกจากปัจจัยเรื่องดอลลาร์แล้ว ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสก็ส่งผลกดดันทองคำด้วยเช่นกัน โดยดัชนีภาคการผลิตของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ปรับตัวขึ้นแตะ 56.4 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2554 เพิ่มขึ้นจากระดับ 56.2 ในเดือนก.ย. บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ
สัญญาทองคำที่ตลาด Comex ร่วงลง 0.3% ในเดือนต.ค. แตะที่ระดับ 1,323.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ณ สิ้นเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์เชื่อว่า ทองคำจะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบกว้างๆที่ราว 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์