สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 17.9 ดอลลาร์ หรือ 1.41% ปิดที่ 1,286.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ ปิดที่ 20.722 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 12.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,444. 1 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 739.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญทองคำดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการก่อนหน้านี้ หลังจากนางเยลเลนแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่เนื่อง แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะสามารถชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่เกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยได้ ซึ่งเฟดจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสหรัฐระบุว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 พ.ย. ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 339,000 ราย แต่เป็นการปรับตัวลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 330,000 ราย
ขณะที่ยอดขาดดุลการค้าเดือนก.ย.ของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น 8% แตะที่ 4.18 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากสหรัฐส่งออกลดลงและนำเข้าเพิ่มขึ้น
สภาทองคำโลกเปิดเผยว่า อุปสงค์ทองคำร่วงลง 21% ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ สู่ระดับ 868.5 ตัน เนื่องจากนักลงทุนลดการลงทุน และธนาคารกลางประเทศต่างๆชะลอการซื้อลง
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่า หากราคาทองคำไม่สามารถเคลื่อนไหวที่เหนือระดับ 1,430 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ในอีก 2 ไตรมาสข้างหน้า ก็มีแนวโน้มว่าความต้องการลงทุนในทองคำอาจจะปรับตัวลดลง