ก่อนหน้านี้ นักลงทุนและเทรดเดอร์ทองคำได้ใช้เวลาไปกับการตั้งคำถามว่า เมื่อใดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE และนักลงทุนเหล่านี้ก็ตั้งตารอดูการแสดงความคิดเห็นจากผู้บริหารของเฟด พ่วงไปกับการจับตาข้อมูลเศรษฐกิจเพื่อใช้เป็นปัจจัยช่วยประเมินคำตอบ
นับเป็นเรื่องพลิกผันทีเดียวสำหรับนักลงทุนที่ยึดติดกับการลงทุนในทองคำที่ตั้งความหวังว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำทะยานขึ้นจากช่วงปลายปี 2543 จนแตะระดับสูงสุดในปี 2554 นั้น จะกระตุ้นความต้องการทองคำอีกครั้ง
นายชินทาน คาร์นานี หัวหน้านักวิเคราะห์ของอินซิกเนีย คอนซัลแทนท์ กล่าวว่า เรื่องราวของการชะลอมาตรการ QE เริ่มมีการพูดถึงมานับตั้งเดือนมี.ค. 2556
และเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. การลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางสหรัฐก็เกิดขึ้นเมื่อเฟดตัดสินใจลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรรายเดือนลงเหลือ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค. 2557 และหากเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้ ประธานเฟดระบุว่า โครงการซื้อพันธบัตรอาจจะสิ้นสุดลงในช่วงปลายปี 2557 ก็เป็น ได้
ทางด้านนายอดัม คูส์ ประธานของลิเบอร์ตาส เวลธ์ เมเนจเมนท์ กรุ๊ป กล่าวว่า ในทางทฤษฎีแล้ว การพิมพ์ธนบัตรน้อยลง จะทำให้ค่าเงินสหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อผ่อนคลายลงด้วย ซึ่งตามตรรกะนี้ถือว่าไม่ค่อยจะดีนักสำหรับการลงทุนในทองคำที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรับประกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
นายคูส์ กล่าวต่อไปว่า นักลงทุนควรจะรอไปจนกว่าจะถึงช่วงต้นเดือนหรือกลางเดือนม.ค. เพื่อรอดูภาพที่ชัดเจนก่อนที่จะตัดสินใจเพื่อเริ่มการซื้อขาย