สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.39% ปิดที่ 1,300.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ขยับขึ้น 5.4 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 20.395 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 9.3 ดอลลาร์ หรือ 0.66% ปิดที่ 1,416.6 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองปรับตัวขึ้นเป็นวันที่เจ็ดติดต่อกันแล้ว นับเป็นการเดินหน้าต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2554 โดยราคาทองปรับตัวขึ้นรวมเกือบ 4% สู่ระดับสูงกว่า 1,300 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.หดตัวลง 0.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้จะหดตัวลงเพียง 0.2%
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ก.พ.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 339,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 331,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 330,000 ราย
ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ยติดต่อกัน 4 สัปดาห์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 336,750 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 333,250 ราย
ข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งกลับเป็นผลดีต่อทองคำ เพราะทำให้สัญญาทองคำที่ซื้อขายกันในสกุลเงินดอลลาร์มีความน่าดึงดูดใจมากขึ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารแห่งวุฒิสภา ซึ่งเดิมมีกำหนดการในวันพฤหัสบดี แต่ถูกเลื่อนออกไปเพราะพายุหิมะ หลังจากที่นางเยลเลนได้ส่งสัญญาณเมื่อวันอังคารว่า เฟดจะยังคงสานต่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำที่ประธานเฟดคนก่อนได้วางเอาไว้
ภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบัน นักวิเคราะห์ตลาดบางรายคาดการณ์ว่าทองคำจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับอย่างน้อย 1,307 ดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งเชื่อว่าการดีดตัวขึ้นของราคาทองในระยะนี้เป็นการซื้อคืน และราคาทองอาจลดลงสู่ระดับ 1,000 ดอลลาร์