ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: วิกฤตยูเครนหนุนสัญญาทองคำปิดพุ่ง 23.8 ดอลลาร์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 13, 2014 06:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนในยูเครน ยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 23.8 ดอลลาร์ หรือ 1.77% ปิดที่ 1,370.5 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 54.3 เซนต์ ปิดที่ 21.358 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 11.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1476.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 6.65 ดอลลาร์ ปิดที่ 777.15 ดอลลาร์/ออนซ์

สถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียดในยูเครนยังคงเป็นปัจจัยหลักที่หนุนสัญญาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวัน และเมื่อคืนนี้สัญญาทองคำปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. 2556

นักลงทุนจับตาดูการลงประชามติของไครเมียในวันอาทิตย์ที่ 16 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ประชาชนในไครเมียได้มีทางเลือกที่จะตัดสินใจว่า จะยังคงเป็นเขตปกครองตนเองในยูเครนต่อไป หรือจะยกดินแดนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ขณะเดียวกันรัฐสภารัสเซียประกาศว่าจะจัดการอภิปรายในประเด็นที่ว่าจะรับสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมียเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศหรือไม่ ในวันที่ 21 มี.ค.นี้

ทั้งนี้ ผู้นำในหลายประเทศได้ออกมาเตือนไครเมียว่า การลงคะแนนเสียงประชามติดังกล่าว จะไม่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ส่วนรัฐบาลรักษาการของยูเครน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐและยุโรปนั้น ระบุว่า การจัดทำประชามติครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐได้กล่าวภายหลังจากจากที่ประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุคของยูเครน ที่กรุงวอชิงตันเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐจะยืนเคียงข้างยูเครน พร้อมระบุว่า การที่รัสเซียแทรกแซงกิจการของไครเมียนั้น ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยอื่นๆ รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในซีเรีย และอิหร่าน รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังจากยอดส่งออกเดือนก.พ.ของจีนร่วงลง 18.1% ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 10.1% ส่งผลให้จีนมียอดขาดดุลการค้าเดือนก.พ.สูงถึง 2.298 หมื่นล้านดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ