สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 24.8 ดอลลาร์ หรือ 1.86% ปิดที่ 1,311.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 24.3 เซนต์ ปิดที่ 20.067 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 4.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,431.2 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 5.05 ปิดที่ 794.35 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้สัญญาทองคำร่วงลงในวันจันทร์มาจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ โดยทองคำทะยานขึ้นราว 9% นับตั้งแต่ต้นปี 2557 หลังจากที่ร่วงลงไปทั้งสิ้น 28% ในปี 2555 ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2527
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกหลังจากที่เฟดยุติการใช้มาตรการ QE ไปแล้วราว 6 เดือน ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของเฟดมีมติปรับลดขนาดมาตรการ QE ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการประชุมล่าสุด ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยจะเริ่มดำเนินการดังกล่าวในเดือนเม.ย.ปีนี้
นักวิเคราะห์ระบุว่า นักลงทุนจะปรับลดการถือครองทองคำลงหากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่วิกฤตไครเมียซึ่งยังไม่มีแนวโน้มจะนำไปสู่ความรุนแรง ส่งผลให้ยังไม่มีแรงกระตุ้นให้นักลงทุนหันกลับมาถือครองทรัพย์สินที่มีความปลอดภัย