ณ เวลา 19.36 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ร่วงลง 7.30 ดอลลาร์ หรือ 0.69% สู่ระดับ 1,063.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนครึ่งเมื่อเทียบยูโรในวันนี้ จากคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนหน้า รวมทั้งคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเดือนธ.ค.
ณ เวลา 18.47 น. ดอลลาร์ทรงตัวที่ 122.59 เยน ขณะที่ดีดตัวขึ้น 0.24% สู่ระดับ 1.0587 เทียบยูโร ส่วนยูโรอ่อนค่าลง 0.22% สู่ระดับ 129.78 เยน ทางด้านดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.19% สู่ระดับ 99.99 นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซาของจีน ก็เป้นปัจจัยถ่วงราคาทองเช่นกัน สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ว่า ผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนในเดือนต.ค. ดิ่งลง 4.6% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ลดลงเพียง 0.1% ในเดือนก.ย.
ตัวเลขดังกล่าวพิจารณาเฉพาะผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 20 ล้านหยวน
NBS ระบุว่า บริษัทในภาคอุตสาหกรรมมีผลกำไรคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5.5952 แสนล้านหยวนในเดือนต.ค.
เจ้าหน้าที่ NBS กล่าวว่า ยอดขายที่ลดลงและต้นทุนที่สูงขึ้น รวมทั้งผลกำไรที่ตกต่ำลงในภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่และวัตถุดิบ เป็นปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่หดตัวลงในเดือนที่แล้ว
สำหรับในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทอุตสาหกรรมของจีนมีผลกำไรร่วงลง 2% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 4.87 ล้านล้านหยวน หลังจากที่ปรับตัวลง 1.7% ในช่วง 9 เดือนแรก