สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นนิวยอร์กและสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงนั้น ได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ซึ่งช่วยหนุนสัญญาทองคำปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 10.70 ดอลลาร์ หรือ 0.85% ปิดที่ระดับ 1,275.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 22.70 เซนต์ หรือ 1.33% ปิดที่ 17.319 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 16.8 ดอลลาร์ หรือ 1.60% ปิดที่ 1,066.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 15.85 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 608.05 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนแห่เข้าซื้อสัญญาทองคำอย่างคึกคัก หลังจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ซึ่งช่วยให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาลดลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ ภายหลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงวอลท์ดิสนีย์ และเมซีย์ อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด
ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากวาณิชธนกิจรายใหญ่ได้ปรับเพิ่มมุมมองราคาทองคำ โดยโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองในช่วง 3 เดือน, 6 เดือน และ 12 เดือนข้างหน้า สู่ระดับ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์, 1,180 ดอลลาร์/ออนซ์ และ 1,150 ดอลลาร์/ออนซ์ตามลำดับ จากระดับ 1,100 ดอลลาร์, 1,050 ดอลลาร์ และ 1,000 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้
ด้านนางโซลิตา มาร์เซลลี นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ได้แสดงความเห็นว่า หลังจากที่ราคาทองปรับตัวลงติดต่อกัน 3 ปี ราคาก็ได้พุ่งขึ้นถึง 20% แล้วในปีนี้ และมีแนวโน้มว่าจะยังคงดีดตัวขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ นางมาร์เซลลีคาดว่า ราคาทองจะแตะที่ระดับ 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีนี้ และเชื่อว่าทองคำจะยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าดึงดูด จากการที่นักลงทุน และธนาคารกลางเข้าซื้อเพื่อเป็นสินทรัพย์ประกันความผันผวนในตลาด