ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ จากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพิ่มการถือครองทอง 0.71% สู่ระดับ 887.38 ตันเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2013
ณ เวลา 20.33 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ขยับขึ้น 2.80 ดอลลาร์ หรือ 0.22% สู่ระดับ 1,275.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
ตลาดทองปรับตัวในช่วงขาขึ้นนับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่ซบเซาของสหรัฐ ซึ่งทำให้มีการคาดว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ราคาทองดีดตัวขึ้นเกือบ 2% ในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอังกฤษและเยอรมนีที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ก็ได้เป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองเช่นกัน
ด้านนายแดเนียล ไฮนส์ นักวิเคราะห์จากธนาคาร ANZ ระบุว่า ราคาทองมีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการที่นักลงทุนลดคาดการณ์เกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นอกจากนี้ การขยายนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และความกังวลต่อผลการลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย.ในสหราชอาณาจักรกรณีการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทอง
นายไฮนส์กล่าวว่า การกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้ลดแนวโน้มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในปีนี้ ขณะที่การใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในญี่ปุ่นและยุโรป เป็นปัจจัยบวกต่อราคาทอง
ขณะเดียวกัน ผลการสำรวจล่าสุดที่ระบุว่า กลุ่มผู้สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจาก EU เริ่มมีคะแนนนิยมมากขึ้น ก็ได้สร้างความวิตกต่อนักลงทุน ส่งผลให้มีแรงซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ราคาทองพุ่งขึ้นมากกว่า 16% ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ และขึ้นทดสอบระดับ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ในเดือนพ.ค. แต่หลังจากนั้นก็ได้ย่อตัวลงสู่บริเวณ 1,270 ดอลลาร์/ออนซ์