ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวลงในวันนี้จากแรงขายทำกำไร หลังพุ่งแตะ 1,315.55 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2014 แต่มีแนวโน้มดีดตัวขึ้นในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
ราคาทองยังคงได้แรงหนุนจากปัจจัยการอ่อนค่าของดอลลาร์ และจากการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์ หลุยส์ สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งก่อนถึงปี 2019
ณ เวลา 20.20 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ร่วงลง 5.80 ดอลลาร์ หรือ 0.45% สู่ระดับ 1,292.60 ดอลลาร์/ออนซ์
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพิ่มการถือครองทอง สู่ระดับ 902.53 ตันเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2013
ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.32% สู่ระดับ 94.305
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์ หลุยส์ ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ทำให้เฟดไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้งเป็นเวลานานถึง 2 ปีครึ่ง หรือจนกว่าจะผ่านพ้นปี 2018
คำกล่าวของนายบูลลาร์ดได้สวนทางกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของเขาที่ว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวมากขึ้น และอัตราดอกเบี้ยควรจะปรับตัวขึ้น
นายบูลลาร์ดกล่าวในวันนี้ว่า การขยายตัวมีแนวโน้มที่จะแตะระดับ 2% และอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป ขณะที่อัตราการว่างงานจะอยู่ที่ 4.7% และอัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย 2% ของเฟด
ประธานเฟดเซนต์ หลุยส์ ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นควรจะยังคงอยู่ที่ 0.63% ตลอดเวลาที่เหลือ 2 ปีครึ่งของช่วงคาดการณ์ของเขา โดยขณะนี้อัตราดอกเบี้ยเป้าหมายอยู่ในช่วง 0.25-0.50%
นอกจากนี้ ความไม่มั่นใจต่อผลการลงประชามติของอังกฤษเกี่ยวกับการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย. ก็ได้เป็นปัจจัยบวกต่อราคาทอง ked at $1,315.55 on Thursday, its strongest since August 2014.