สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ก.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้กดดันให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 4.80 ดอลลาร์ หรือ 0.36% ปิดที่ 1,327.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 15.70 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 20.165 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 15.70 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 20.165 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 3.70 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 647.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งการแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจ
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ยอดค้าปลีกมิ.ย.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ และเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน เพราะได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บรืโภคในด้านพลังงาน, ที่อยู่อาศัย และการรักษาสุขภาพ
ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2015 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2%
นอกจากนี้ เฟดสาขานิวยอร์ก ยังออกรายงานเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 2.61% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับการประเมินในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.31% หลังมีการเปิดเผยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด