สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวันพุธตามเวลาสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 4.9 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ปิดที่ระดับ 1,303.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 27.7 เซนต์ หรือ 1.48% ปิดที่ 18.416 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 7.4 ดอลลาร์ หรือ 0.74% ปิดที่ 994.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 16.90 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 617.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ในการประชุมซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวันพุธตามเวลาสหรัฐ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า เศรษฐกิจมีการปรับตัวดีขึ้น และอัตราเงินเฟ้อกำลังดีดตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด ส่วนการจ้างงานยังคงมีความแข็งแกร่ง ทั้งนี้ คณะกรรมการเฟดระบุว่าจะยังคงจับตาสิ่งบ่งชี้เงินเฟ้อ และเศรษฐกิจโลก รวมทั้งพัฒนาการทางการเงินต่อไป
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจบางรายการของสหรัฐที่มีความแข็งแกร่งนั้น ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร พุ่งขึ้นในอัตรา 3.1% ในไตรมาส 3 มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอัตรา 2%
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2%
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยตัวเลขดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของเฟดในรอบ 10 ปี
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.จะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.9% จากเดิมที่ระดับ 5.0%