สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโดนัลด์ ทรัมป์ได้หนุนตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ และยังส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 7.10 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ระดับ 1,266.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 35.9 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 18.737 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 21.10 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 982.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 15.05 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 696.50 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนยังคงแห่เข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เช่นหุ้น และเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ นับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ปัจจัยที่ทำให้ตลาดการเงินขานรับชัยชนะของนายทรัมป์ มาจากความคาดหวังที่ว่า ทรัมป์จะดำเนินนโยบายต่างๆที่ได้ให้คำมั่นไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งรวมถึงผ่อนคลายกฎข้อบังคับของภาคธนาคาร, ทำการปรับลดภาษีของภาคธุรกิจ และกระตุ้นการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค
นอกจากนี้ การคาดการณ์ที่ว่า ทรัมป์จะกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่นั้น ยังส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำเช่นกัน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดอลลาร์จะยังคงปรับตัวแข็งแกร่ง จนถึงช่วงเวลาที่นายทรัมป์ทำพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนม.ค.ปีหน้า และอาจแตะระดับ 107.49 เยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.