ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวในช่วงแคบในวันนี้ โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนหน้า
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ลดการถือครองทอง 1.5 ตัน สู่ระดับ 927.45 ตันเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง
ณ เวลา 23.29 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ บวก 1.10 ดอลลาร์ หรือ 0.09% สู่ระดับ 1,225.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองได้ดิ่งลงมากกว่า 100 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อเทียบกับเมื่อวันพุธที่แล้วซึ่งราคาทะยานขึ้นจากแรงหนุนของการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดัชนีดอลลาร์พุ่งทะลุระดับ 100 ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2003 เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในตะกร้าเงิน ขณะที่ดอลลาร์ดีดตัวสู่กรอบกลางของ 109 เยน และพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อเทียบยูโร จากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง
ณ เวลา 20.22 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.19% สู่ระดับ 109.36 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.09% สู่ระดับ 117.11 เยน และร่วงลง 0.09% สู่ระดับ 1.0710 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.27% สู่ระดับ 100.41
การเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกที่สดใสของสหรัฐเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนต.ค. โดยเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับตัวขึ้น 1.0% ในเดือนก.ย.
การเพิ่มขึ้นของยอดค้าปลีกในเดือนก.ย.และต.ค.รวมกันทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดสำหรับช่วง 2 เดือนนับตั้งแต่ต้นปี 2014
ยอดค้าปลีกได้รับแรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ และวัสดุก่อสร้างสำหรับการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากพายุเฮอร์ริเคนแมทธิว
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค.
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวในวันนี้ว่า จะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ ถ้าหากเฟดไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
นายบูลลาร์ดระบุว่า เหตุผลเดียวที่จะทำให้เฟดระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. ก็คือการที่ตลาดการเงินโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง หรือสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่อย่างมาก
นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงหนึ่งครั้งในการประชุมเดือนหน้า ก็อาจเป็นการเพียงพอแล้วที่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดปรับตัวสู่ระดับเป็นกลาง
"การขึ้นอัตราดอกเบี้ยหนึ่งครั้ง โดยอาจเกิดขึ้นในเดือนธ.ค. ก็เพียงพอที่จะทำให้นโยบายการเงินกลับสู่ภาวะเป็นกลาง" นายบูลลาร์ดกล่าว