ราคาทองฟิวเจอร์ดิ่งลงในวันนี้ ใกล้หลุดระดับ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยแตะระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน จากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการแข็งค่าของดอลลาร์
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ลดการถือครองทอง 0.61% สู่ระดับ 920.63 ตันเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ กองทุน SPDR ได้ลดการถือครองทอง 2.33% นับตั้งแต่ต้นเดือนนี้
ณ เวลา 20.38 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ร่วงลง 2.20 ดอลลาร์ หรือ 0.18% สู่ระดับ 1,214.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากดิ่งลงแตะ 1,201.30 ดอลลาร์ในช่วงแรก ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.
ราคาทองได้ดิ่งลงเกือบ 10% แล้ว นับตั้งแต่พุ่งแตะ 1,337.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งทำไว้ในวันที่ 9 พ.ย. ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดัชนีดอลลาร์ดีดตัวขึ้นทะลุระดับ 101 ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2003 เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในตะกร้าเงิน จากแรงหนุนของการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า และชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำให้สหรัฐมีการขยายตัวมากขึ้นจากการลงทุนครั้งใหญ่ในภาคสาธารณูปโภค
นอกจากนี้ ดอลลาร์/เยนยังทำสถิติปรับตัวดีที่สุดเมื่อเทียบรายปักษ์ในรอบเกือบ 30 ปี
ณ เวลา 19.29 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.03% สู่ระดับ 100.98 หลังจากพุ่งแตะระดับ 101.37 ขณะที่ดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.05% สู่ระดับ 1.0620 เทียบยูโร และอ่อนค่า 0.01% สู่ระดับ 110.07 เยน หลังจากแตะระดับ 110.92 เยน ส่วนยูโรปรับตัวลง 0.05% สู่ระดับ 116.90 เยน
ดอลลาร์พุ่งขึ้นสู่กรอบบนของ 110 เยนในช่วงแรก แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ขานรับคำกล่าวของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ที่ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในไม่ช้า และจะมีความเสี่ยง หากเฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป เนื่องจากจะทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วยิ่งขึ้นในอนาคต
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวสนับสนุนการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า และตั้งข้อสังเกตุถึงทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า
"ขณะนี้ ตลาดมีการคาดการณ์อย่างมากว่า FOMC จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งผมก็โน้มเอียงสนับสนุนในเรื่องดังกล่าว" เขากล่าว
นายบูลลาร์ดกล่าวเสริมว่า "ผมคิดว่าปัญหาขณะนี้อยู่ที่ปี 2017 มากกว่า"
คำกล่าวของนายบูลลาร์ดในวันนี้ สอดคล้องกับที่เขากล่าวเมื่อวันพุธว่า จะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ ถ้าหากเฟดไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
นายบูลลาร์ดระบุว่า เหตุผลเดียวที่จะทำให้เฟดระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. ก็คือการที่ตลาดการเงินโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง หรือสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่อย่างมาก
ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสวานนี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในไม่ช้า และจะมีความเสี่ยง หากเฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป เนื่องจากจะทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วยิ่งขึ้นในอนาคต