สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบ 2 ปี และราคาบ้านที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 3 ดอลลาร์ หรือ 0.25% ปิดที่ 1,190.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 6.5 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 16.74 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 2 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่ 921.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดตลาดอ่อนแรงลง ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับการขยายตัวของจีดีพีประจำไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 3.2% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 2 ปี และสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.9% โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของยอดส่งออกและการใช้จ่ายผู้บริโภค
ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีราคาบ้านของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2006
ทางด้าน Conference Board รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 107.1 ในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 101.2
ทั้งนี้ นักลงทุนมองว่าการขยายตัวที่แข็งแกร่งของสหรัฐอาจเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. และเป็นปัจจัยลบต่อราคาทอง