สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) หลังตลาดหุ้นร่วงและดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง จากการแสดงความคิดเห็นของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่อังกฤษจะเริ่มกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ปรับตัวขึ้น 16.7 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 1,212.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบสองเดือน
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 38.3 เซนต์ หรือ 2.27% ปิดที่ 17.148 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 3.3 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 983.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 3.85 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 753 ดอลลาร์/ออนซ์
ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำนิวยอร์กได้ปัจจัยหนุนจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนที่เขาจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันศุกร์นี้ และจากปัจจัยความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่อังกฤษจะเริ่มกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลว่า การแข็งค่าของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหยวนของจีน "กำลังเป็นสิ่งที่ฆ่าเรา"
ทั้งนี้ นายทรัมป์กล่าววิพากษ์วิจารณ์ว่า บริษัทของสหรัฐไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทของจีนได้ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าเกินไป เพราะจีนพยายามทำให้เงินหยวนของตนเองนั้นอ่อนค่าลง
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 1.22% แตะ 100.33 ณ เวลา 1.25 น. ของวันพุธ โดยปกติแล้ว ทองและดอลลาร์จะเคลื่อนตัวในทิศทางตรงข้ามกัน ซึ่งหมายความว่าหากดอลลาร์ปรับตัวขึ้น สัญญาทองก็จะปรับตัวลง เนื่องจากทอง ซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ จะมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุน ขณะดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ด้านหุ้นสหรัฐร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนหันเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ หลังจากที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวแถลงการณ์วานนี้ โดยระบุรายละเอียดสำหรับแผนการของอังกฤษในการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)