ราคาทองฟิวเจอร์ทะยานขึ้นเกือบ 1% ในวันนี้ จากอานิสงส์การอ่อนค่าของดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนไม่มั่นใจต่อนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ณ เวลา 22.58 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ดีดตัวขึ้น 10.60 ดอลลาร์ หรือ 0.88% สู่ระดับ 1,215.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองพุ่งขึ้น 1% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 สัปดาห์ และเป็นช่วงขาขึ้นรายสัปดาห์ที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว
ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์ดิ่งลงกว่า 1% หลุดระดับ 114 เยน ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการใช้นโยบายกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่เขากล่าวสุนทรพจน์เน้นนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" โดยการตัดสินใจด้านการค้า ภาษี ประเด็นคนเข้าเมือง และกิจการต่างประเทศ จะต้องเอื้อประโยชน์ต่อแรงงานชาวสหรัฐและครอบครัวชาวอเมริกัน
ณ เวลา 20.17 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.90% สู่ระดับ 113.57 เยน หลังจากดิ่งลงกว่า 1% ก่อนหน้านี้ ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.71% สู่ระดับ 121.70 เยน และขยับขึ้น 0.17% สู่ระดับ 1.0716 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.36% สู่ระดับ 100.34
การที่ปธน.ทรัมป์ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค และการปรับลดภาษี ในการกล่าวสุนทรพจน์ในวันศุกร์ ได้สร้างความผิดหวังต่อนักลงทุน ส่งผลให้มีแรงขายดอลลาร์ออกมาในวันนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าของปธน.ทรัมป์ หลังจากที่เขาประกาศว่าจะนำสหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงการค้าเสรีหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค (TPP) รวมทั้งจะทำการเจรจาครั้งใหม่ต่อข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟต้า) กับแคนาดาและเม็กซิโก
อย่างไรก็ดี ราคาทองถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐจะปรับตัวขึ้น หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีละหลายครั้งไปจนถึงปี 2019