ราคาทองฟิวเจอร์ทะยานขึ้นในวันนี้ โดยได้แรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย สวนทางตลาดหุ้น และค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลง หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่สามารถผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพ "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ผ่านสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
การที่ปธน.ทรัมป์ต้องยอมถอนร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ซึ่งจะนำมาแทนกฎหมายประกันสุขภาพ "Affordable Care Act (ACA)" หรือ "โอบามาแคร์" ออกจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐนั้น อาจถือได้ว่าเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ครั้งแรกในสภานิติบัญญัติของปธน.ทรัมป์ นับตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค.
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรครีพับลิกันได้ ทั้งที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภาของสภาคองเกรส ส่งผลให้เกิดการตั้งคำถามถึงความสามารถของปธน.ทรัมป์ในการเดินหน้าผลักดันนโยบายอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปภาษี และการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการสาธารณูปโภค ตามที่เขาได้เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
ณ เวลา 20.01 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ดีดตัวขึ้น 9.40 ดอลลาร์ หรือ 0.75% สู่ระดับ 1,257.90 ดอลลาร์/ออนซ์
นอกจากนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ก็ได้เพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ใกล้หลุดระดับ 99 ขณะที่ดอลลาร์ร่วงลงใกล้หลุดระดับ 110 เยน
ณ เวลา 18.58 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 1.03% สู่ระดับ 110.18 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.15% สู่ระดับ 119.84 เยน และดีดตัวขึ้น 072.% สู่ระดับ 1.0875 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.62% สู่ระดับ 99.01
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากแรงขายของกลุ่มผู้ส่งออกญี่ปุ่น ก่อนถึงวันปิดงบการเงินประจำปีในวันที่ 31 มี.ค.