ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์
ราคาทองมีแนวโน้มพุ่งขึ้น 8.2% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นการปรับตัวรายไตรมาสที่ดีที่สุดในรอบ 1 ปี ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมทั้งการเลือกตั้งในยุโรป ซึ่งช่วยหนุนคำสั่งซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ณ เวลา 22.55 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ขยับขึ้น 0.30 ดอลลาร์ หรือ 0.02% สู่ระดับ 1,248.30 ดอลลาร์/ออนซ์
เมื่อวานนี้ ราตาทองร่วงลง 0.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดภายในวันเดียวในรอบกว่า 3 สัปดาห์ หลังจากที่ราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ยระยะ 200 วัน
ราคาทองมีแนวโน้มย่อตัวลง 0.2% ในสัปดาห์นี้
ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงในวันี้ จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะออกคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อให้มีการตรวจสอบหาสาเหตุการขาดดุลการค้าของสหรัฐ
ณ เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.42% สู่ระดับ 111.42 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.23% สู่ระดับ 119.17 เยน และขยับขึ้น 0.19% สู่ระดับ 1.0695 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.03% สู่ระดับ 100.38
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในช่วงแรกตามการปรับตัวขึ้นในตลาดการเงินสหรัฐเมื่อคืนนี้ แต่ต่อมาได้อ่อนค่าลง หลังมีข่าวว่า นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์ เตรียมลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีในวันนี้ ซึ่งจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการวิเคราะห์หาสาเหตุที่ทำให้สหรัฐขาดดุลการค้า แยกตามประเทศ และประเภทสินค้า
นายรอสส์ ระบุว่า จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี เม็กซิโก และประเทศอื่นๆที่สหรัฐมียอดขาดดุลการค้าอย่างหนัก มีแนวโน้มว่าจะเป็นเป้าหมายของแผนการดังกล่าว โดยมาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของปธน.ทรัมป์ เพื่อจัดการกับความไม่ยุติธรรมทางการค้าของประเทศคู่ค้า และลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐ
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกถ่วงลง เนื่องจากกลุ่มผู้นำเข้าของญี่ปุ่นลดแรงซื้อดอลลาร์ หลังจากเข้าซื้อก่อนหน้านี้เพื่อรับมือกับการชำระบัญชีในช่วงสิ้นปีงบการเงินของญี่ปุ่น