สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังจากตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแรงกว่าคาดการณ์ในไตรมาสแรกของปีนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.4 ดอลลาร์ หรือ 0.19% ปิดที่ระดับ 1,268.30 ดอลลาร์/ออนซ์ สำหรับในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองลดลง 1.6% ขณะที่ปรับตัวขึ้นราว 1.3% ในรอบเดือนเม.ย.
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 7.2 เซนต์ หรือ 0.42% ปิดที่ 17.262 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ขยับลง 1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 948.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 13.7 ดอลลาร์ หรือ 1.61% ปิดที่ 826.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำวันศุกร์นั้น สัญญาทองคำปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1 อยู่ที่ระดับ 0.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.2%
การขยายตัวที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1 ได้รับผลกระทบจากการใช้จ่ายที่ซบเซาของผู้บริโภค และตอกย้ำรูปแบบการปรับตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่มักจะชะลอตัวในช่วงต้นปี
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.1% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว หลังจากที่พุ่งขึ้น 3.5% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2557 และมีการเติบโต 1.4% ในไตรมาส 2 และ 0.8% ในไตรมาส 1
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลง 0.15% แตะที่ 99.01 เมื่อเวลา 1.00 น.ของวันเสาร์ตามเวลาประเทศไทย โดยดัชนีดอลลาร์เป็นตัวชี้วัดการเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก
โดยปกติแล้ว ราคาทองและดอลลาร์จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกัน คือเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาทองก็จะลดลง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองคำ ซึ่งกำหนดราคาในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้อานิสงส์จากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปรับตัวลดลงในวันศุกร์ โดยปกติแล้ว เมื่อหุ้นปรับตัวลง ราคาโลหะมีค่าก็จะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น และหันมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นทองคำแทน
สำหรับสัปดาห์หน้า ตลาดรอดูการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญหลายรายการ ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมี.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันจันทร์ ตามด้วยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค.จาก ADP ในวันพุธ ข้อมูลการค้าต่างประเทศและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในวันพฤหัสบดี ปิดท้ายด้วยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรและอัตราว่างงานประจำเดือนเม.ย. ในวันศุกร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันอังคาร และรับทราบผลการประชุมในวันพุธตามเวลาสหรัฐ