ราคาทองฟิวเจอร์ย่อตัวลงในวันนี้ จากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แม้มีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอ
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 71% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้
ณ เวลา 22.23 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ร่วงลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 0.14% สู่ระดับ 1,286.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองสปอตมีแนวโน้มร่วงลง 2.8% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการทรุดตัวมากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือนในปีนี้ และดิ่งลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2016 โดยถูกกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์
อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาทองสปอตสามารถพุ่งขึ้น 3.5% ในไตรมาส 3 หลังจากที่ดีดตัวขึ้นในเดือนก.ค.และส.ค. จากความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ ขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนส.ค. ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค.
การใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนส.ค. ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ซึ่งฉุดยอดขายรถยนต์
นอกจากนี้ ภาวะอากาศที่อบอุ่นในบางภาคของสหรัฐ ก็ได้ลดอุปสงค์ในภาคสาธารณูปโภค
หากมีการปรับค่าตามเงินเฟ้อ การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐลดลง 0.1% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนส.ค. โดยเพิ่มขึ้นในอัตราดังกล่าวเป็นเวลา 4 เดือนติดต่อกัน
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2015 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE พื้นฐาน ยังคงอยู่ห่างไกลจากระดับ 2.0% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟด
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้ยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางของเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ คำกล่าวของนางเยลเลนเป็นการยอมรับถึงความยากลำบากในการคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักสำคัญของนโยบายการเงินของเฟด