สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน รวมถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการสืบสวนทีมหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในกรณีที่รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 18.3 ดอลลาร์ หรือ 1.43% ปิดที่ระดับ 1,296.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนเดือนธ.ค. 30.1 เซนต์ หรือ 1.76% ปิดที่ 17.373 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 18.4 ดอลลาร์ หรือ 1.97% ปิดที่ 954.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้น 0.8% ปิดที่ 992.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 1.8%
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน และผลกระทบที่อาจมีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐนั้น ได้ช่วยหนุนให้ราคาโลหะปรับตัวขึ้น เนื่องจากปัจจัยดังกล่าวได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงนี้แทน
นอกจากนี้ การที่สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำให้สูงขึ้น โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.28% สู่ระดับ 93.671 หลังจากที่มีข่าวว่า ทีมสอบสวนคดีเกี่ยวกับการที่รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559 ได้ขออำนาจศาลในการร้องขอเอกสารเพิ่มเติมจากทีมหาเสียงของปธน.ทรัมป์
ทั้งนี้ โดยปกติแล้วสัญญาทองคำจะได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงนั้น ส่งผลให้สัญญาทองคำนิวยอร์กซึ่งซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐ มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจยิ่งขึ้นสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่นๆ