ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งนิวไฮ 4 เดือน หลังขุนคลังสหรัฐหนุนดอลล์อ่อนค่า ชี้เอื้อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 25, 2018 00:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือนในวันนี้ จากการที่ดอลลาร์ดิ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี หลังจากที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า การอ่อนค่าของดอลลาร์จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

ณ เวลา 00.33 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ดีดตัวขึ้น 16.30 ดอลลาร์ หรือ 1.22% สู่ระดับ 1,353.00 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ดอลลาร์ร่วงลงอย่างหนักหลุดระดับ 110 เยนในวันนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ดิ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี หลังจากที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวสนับสนุนการอ่อนค่าของดอลลาร์

ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของยูโร ซึ่งดีดตัวทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปีจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจยูโรโซนที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ การร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และความกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐ ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อดอลลาร์

ณ เวลา 18.47 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.73% สู่ระดับ 109.48 เยน ขณะที่ยูโรดีดตัวขึ้น 0.37% สู่ระดับ 1.2343 ดอลลาร์ หลังจากแตะระดับ 1.2345 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี และยูโรร่วงลง 0.35% สู่ระดับ 135.17 เยน ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.53% สู่ระดับ 89.64

นายมนูชินกล่าวในการแถลงข่าวในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันนี้ว่า สหรัฐเป็นประเทศที่เปิดกว้างสำหรับภาคธุรกิจ และการที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ ก็เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจอเมริกา

ทั้งนี้ นายมนูชินกล่าวเชิญชวนให้นักลงทุนเข้าลงทุนในสหรัฐ โดยกล่าวว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจมีการขยายตัว 3% หรือมากกว่า โดยสหรัฐยังคงเป็นแหล่งที่น่าดึงดูดสำหรับการลงทุน

นายมนูชินระบุว่า สหรัฐให้การสนับสนุนการค้าที่เสรี และเป็นธรรม และเสริมว่าการขยายตัวที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ และไม่ขัดแย้งกับนโยบาย"อเมริกาต้องมาก่อน"ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ