สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) โดยสัญญาทองคำปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่สอง เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและค่าแรงในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดนั้น ได้จุดกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 80 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,336.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 3.8 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 16.671 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 3.9 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 995.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 12 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 1,032.95 ดอลลาร์/ออนซ์
การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงสร้างแรงกดดันต่อภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำนิวยอร์ก โดยเมื่อคืนนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.43% สู่ระดับ 89.575
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ โดยทำให้สัญญามีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าอย่างต่อเนื่องนั้น มาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้ เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ หลังจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 200,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขรายได้ หรือค่าแรงต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อนั้น เพิ่มขึ้น 9 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.3% และเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลการค้าเดือนธ.ค., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค.