สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ก.พ.) โดยทองคำปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 7 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,329.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 9.1 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 16.58 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.20 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 994.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 30.45 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 1,002.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดตลาดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.1% สู่ระดับ 89.60 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ โดยทำให้สัญญามีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ขณะเดียวกันนักลงทุนได้ลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเริ่มกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นหุ้น หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำยังคงได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้ เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ หลังจากตัวเลขจ้างงานและค่าแรงของสหรัฐมีการขยายตัวสูงกว่าคาดการณ์
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 200,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขรายได้ หรือค่าแรงต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อนั้น เพิ่มขึ้น 9 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.3% และเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี