สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ช่วยกระตุ้นแรงซื้อในตลาดทองคำ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมซึ่งริเริ่มโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กลายมาเป็นข้อพิพาทด้านการเมืองในสหรัฐ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของสหรัฐได้ออกมาแสดงท่าทีต่อต้านมาตรการดังกล่าว
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 15.3 ดอลลาร์ หรือ 1.16% ปิดที่ 1,335.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 37.2 เซนต์ หรือ 2.27% ปิดที่ 16.784 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 8.5 ดอลลาร์ หรือ 0.88% ปิดที่ 970.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือเกือบ 0.1%ปิดที่ 978.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.48% แตะระดับ 89.624 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทองคำ โดยทำให้สัญญาทองแดงมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านนโยบายการค้า หลังจากปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า เขาจะเดินหน้าแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของสหรัฐได้ออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งรวมถึงนายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ที่ประกาศว่าจะลาออก หากปธน.ทรัมป์ยังเดินหน้าแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม