สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ ทำให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.50 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ 1,325.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.54% ปิดที่ 16.537 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 5.80 ดอลลาร์ หรือ 0.60% ปิดที่ 961.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 6.85 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 984.75 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดตลาดในแดนลบเนื่องจากแรงกดดันที่เป็นผลมาจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.03% สู่ระดับ 89.74 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่า จะลดความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ โดยทำให้สัญญามีราคาสูงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ประกอบกับดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ร่วงลงไปกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สื่อต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ, โทรคมนาคม และสินค้าเพื่อผู้บริโภคจากจีน วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้การทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม รวมทั้งอาจมีการจำกัดการออกวีซ่าต่อชาวจีนที่ต้องการเดินทางเข้าสู่สหรัฐ