สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ลดความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นหุ้น หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นติดต่อกันยาวนานถึง 8 วันทำการ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 2.5 ดอลลาร์ หรือ 0.19% ปิดที่ 1,318.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 10.7 เซนต์ หรือ 0.64% ปิดที่ 16.645 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 11 ดอลลาร์ หรือ 1.19% ปิดที่ 914.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 10.50 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 995.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.05% แตะระดับ 92.581 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่า จะลดความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ โดยทำให้สัญญามีราคาสูงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ขณะเดียวกันนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นติดต่อกันนานถึง 8 วันทำการ โดยปัจจัยบวกล่าสุดมาจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐและจีนกำลังร่วมมือกันเพื่อเปิดทางให้บริษัท ZTE ของจีนสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจอีกครั้ง หลังจากที่บริษัทแห่งนี้ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐ
นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำเช่นกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.988% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.119% เมื่อคืนนี้