ราคาทองร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในปีนี้ สวนทางการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นและค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังคลายวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ทั้งนี้ ราคาทองสปอตดิ่งลงแตะ 1,281.76 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
ส่วนราคาทองในตลาดฟิวเจอร์ ณ เวลา 21.31 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ร่วงลง 3.90 ดอลลาร์ หรือ 0.30% สู่ระดับ 1,287.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์พุ่งทะลุระดับ 111 เยนแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน ขณะที่นักลงทุนคลายวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 18.57 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.46% สู่ระดับ 111.25 เยน หลังจากดีดตัวแตะ 111.37 เยนก่อนหน้านี้ ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.32% สู่ระดับ 130.79 เยน และร่วงลง 0.16% สู่ระดับ 1.1756 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.18% สู่ระดับ 93.81
นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า สหรัฐและจีนได้ตกลงที่จะระงับการทำสงครามการค้าชั่วคราว
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการกำหนดกรอบการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาดุลการค้าในอนาคต
ทั้งนี้ นายมนูชินได้ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวานนี้ว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในขณะนี้ หลังจากที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญเป็นอย่างมาก และทั้งสองฝ่ายจะยังคงหารือกันในประเด็นการค้าต่อไป
การเปิดเผยของนายมนูชินมีขึ้นหลังจากที่จีนและสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันเกี่ยวกับผลการเจรจาหารือด้านเศรษฐกิจและการค้าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทำสงครามการค้าระหว่างกัน และยังได้ตกลงที่จะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดยอดขาดดุลการค้าที่สหรัฐมีต่อจีน
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สหรัฐและจีนระบุว่า ทั้งสองฝ่ายจะยังคงเจรจากันเกี่ยวกับการที่จีนจะนำเข้าพลังงานและสินค้าเกษตรจากสหรัฐมากขึ้น เพื่อลดการเกินดุลการค้าสินค้าและบริการต่อสหรัฐมากถึง 3.35 แสนล้านดอลลาร์ในแต่ละปี
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 1-2 พ.ค. ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้