สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินหลักๆ หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 6.1 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,225.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 9.4 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 15.495 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 4 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 835.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 5.30 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 933.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปรับตัวลงหลังจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินหลักๆ ภายหลังจากที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับย้ำว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างน้อยจนถึงช่วงฤดูร้อนของปีหน้า โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายของ ECB
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ราคาทองคำและดอลลาร์จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกัน โดยเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาทองคำจะปรับตัวลดลง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองคำ ซึ่งกำหนดราคาในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
นอกจากนี้ การที่ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า โดยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) ให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกันเพื่อปูทางสู่การยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่รวมรถยนต์ในวันข้างหน้า