สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงหลุดจากระดับ 1,200 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 17 เดือนเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ด้านการเงินที่เกิดขึ้นหลังจากสกุลเงินลีราของตุรกีดิ่งลงอย่างหนัก
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 20.10 ดอลลาร์ หรือ 1.65% ปิดที่ 1198.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 31.3 เซนต์ หรือ 2.05% ปิดที่ 14.982 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ดิ่งลง 30.10 ดอลลาร์ หรือ 3.63% ปิดที่ 799.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 20.20 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 880.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ทองคำได้สูญเสียสถานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากนักลงทุนแห่เข้าซื้อพันธบัตรสหรัฐและดอลลาร์เพื่อความปลอดภัยแทนการเข้าซื้อทองคำ ท่ามกลางวิกฤตการเงินในตุรกี โดยค่าเงินลีราของตุรกีดิ่งลงอย่างหนักตั้งแต่วันศุกร์และอ่อนค่าลงเรื่อยมาจนถึงเมื่อวานนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการให้เพิ่มอัตราภาษีต่อเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากตุรกีขึ้นอีกสองเท่า โดยอัตราภาษีต่อเหล็กนำเข้าจะอยู่ที่ 50% และอลูมิเนียมอยู่ที่ 20%
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.04% แตะระดับ 96.26 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ราคาทองคำและดอลลาร์จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกัน โดยเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาทองคำจะปรับตัวลดลง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองคำ ซึ่งกำหนดราคาในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ