สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางวิกฤตการณ์ค่าเงินลีราของตุรกี นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของข้อมูลเศรษฐกิจบางรายการของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกนั้น ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 15.7 ดอลลาร์ หรือ 1.31% ปิดที่ 1,185.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. 2560
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 59.9 เซนต์ หรือ 3.98% ปิดที่ 14.454 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 29.80 ดอลลาร์ หรือ 3.72% ปิดที่ 771.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ดิ่งลง 52.80 ดอลลาร์ หรือ 6% ปิดที่ 837.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.04% แตะระดับ 96.645 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ราคาทองคำและดอลลาร์จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกัน โดยเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาทองคำจะปรับตัวลดลง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองคำ ซึ่งกำหนดราคาในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจบางรายการที่มีความแข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนมิ.ย.
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.9% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2558 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.3% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในไตรมาส 1