ราคาทองฟิวเจอร์ขยับขึ้นในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ แต่ราคาทองยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 19 เดือน และมีแนวโน้มทำสถิติดิ่งลงในสัปดาห์นี้หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ราคาทองทรุดตัวลง 14% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนเม.ย. โดยถูกกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา
ณ เวลา 23.37 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ขยับขึ้น 1.20 ดอลลาร์ หรือ 0.10% สู่ระดับ 1,185.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์ปรับตัวลงในช่วงกลางของกรอบ 110 เยน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและตุรกี
ณ เวลา 20.26 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.41% สู่ระดับ 110.43 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.13% สู่ระดับ 125.97 เยน และดีดตัวขึ้น 0.28% สู่ระดับ 1.1407 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.35% สู่ระดับ 96.31
สำนักข่าวอนาโดลูของทางการตุรกีรายงานว่า ศาลอุทธรณ์ของตุรกีปฏิเสธการยื่นอุทธรณ์ของบาทหลวงแอนดรูว์ บรุนสัน ชาวสหรัฐวัย 50 ปี ซึ่งต้องการได้รับการปล่อยตัว หลังจากที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในตุรกีเป็นเวลากว่า 2 ปี
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ของตุรกีมีมติยืนตามศาลชั้นต้นที่มีคำสั่งให้บาทหลวงบรุนสันถูกกักบริเวณในบ้าน
นอกจากนี้ ศาลอุทธรณ์ยังได้ปฏิเสธคำขอของบาทหลวงบรุนสันที่ต้องการให้มีการยกเลิกคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
คาดว่ามติของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจะยิ่งกระพือความบาดหมางระหว่างสหรัฐและตุรกี และเป็นต้นเหตุของการเกิดวิกฤตการเงินในตุรกี
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณในวันนี้ว่า เขาจะทำการคว่ำบาตรตุรกีครั้งใหม่ จนกว่าบาทหลวงบรุนสันจะได้รับการปล่อยตัว
ทั้งนี้ บาทหลวงบรุนสันถูกดำเนินคดีในข้อหาว่าเป็นสายลับ และอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 35 ปี หากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง
นอกจากนี้ บาทหลวงบรุนสันยังถูกตั้งข้อหาว่ามีส่วนพัวพันกับพรรคแรงงานเคอร์ดิสถานและองค์กรก่อการร้าย Fethullahist ซึ่งทางตุรกีระบุว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อรัฐประหารในปี 2559 เพื่อโค่นล้มประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน
นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนเพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า โดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า สหรัฐและจีนจะจัดการเจรจาการค้าในวันที่ 22-23 ส.ค.
อย่างไรก็ดี วันที่ 23 ส.ค.ตรงกับวันที่สหรัฐจะใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็ได้ขู่ตอบโต้สหรัฐเช่นกัน
นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวยืนยันว่า สหรัฐและจีนจะรื้อฟื้นการเจรจาการค้าในเดือนนี้ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้การเจรจาได้ข้อตกลงที่ดีสำหรับสหรัฐ
"รัฐบาลจีนจะต้องไม่ประเมินต่ำเกินไปต่อความมุ่งมั่น และความเต็มใจของประธานาธิบดีทรัมป์ในการขจัดมาตรการที่เป็นภาษีและไม่ใช่ภาษี รวมทั้งการกำหนดโควตา, การขโมยทรัพย์สินทางปัญญา และการบังคับให้มีการถ่ายโอนเทคโนโลยี" นายคุดโลว์กล่าว
"ขอให้รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น บางครั้งการเจรจาก็สามารถให้ผลดีกว่าที่คาดไว้" เขากล่าว
ทั้งนี้ จีนได้ตอบรับคำเชิญของสหรัฐในการเจรจาการค้ารอบใหม่เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า
กระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า คณะผู้แทนของจีน ซึ่งนำโดยนายหวัง โชเหวิน รมช.พาณิชย์จีน มีกำหนดเดินทางเยือนสหรัฐในเดือนนี้ เพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่สหรัฐ ซึ่งนำโดยนายเดวิด มัลพาส ปลัดกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ