ราคาทองฟิวเจอร์ย่อตัวลงในวันนี้ โดยถูกกระทบจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นเกินคาด
ณ เวลา 20.27 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ลบ 3.20 ดอลลาร์ หรือ 0.27% สู่ระดับ 1,201.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์ดีดตัวเทียบยูโรและเยน จากการที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเกินคาด รวมทั้งตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงของแรงงานที่พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 9 ปี ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 20.11 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.22% สู่ระดับ 110.98 เยน และดีดตัว 0.42% สู่ระดับ 1.1572 เทียบยูโร ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.33% สู่ระดับ 95.33
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนส.ค. โดยเพิ่มขึ้น 201,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 191,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.9% ในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 3.8%
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 10 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.4% จากระดับ 0.3% ในเดือนก.ค. และพุ่งขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2552 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.7%
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ โดยแหล่งข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวกับคนสนิทของเขาว่า เขาจะทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าของจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ทันทีที่มาตรการดังกล่าวได้ข้อสรุปจากการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐในวันที่ 6 ก.ย. หลังจากที่การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในวันที่ 22-23 ส.ค.ได้สิ้นสุดลง โดยไม่มีความคืบหน้าใดๆ ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันคิดเป็นวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่วนการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่ระหว่างสหรัฐและแคนาดาก็ยังคงไม่มีความคืบหน้า ขณะที่ทั้งสองฝ่ายได้เปิดฉากการเจรจาอีกครั้งเมื่อวันพุธที่กรุงวอชิงตัน หลังจากที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ซึ่งเป็นกำหนดเส้นตายที่ปธน.ทรัมป์ระบุไว้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็น
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการที่สหรัฐจะทำสงครามการค้ากับญี่ปุ่นเป็นประเทศต่อไป หลังจากที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมพุ่งเป้าแก้ไขปัญหาขาดดุลการค้าทวิภาคีกับญี่ปุ่น