ราคาทองฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นในวันนี้ จากปัจจัยดอลลาร์ที่อ่อนค่า และแรงซื้อคืนของนักลงทุน หลังจากที่ราคาทองร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ
ราคาทองได้ดิ่งลงมากกว่า 12% นับตั้งแค่เดือนเม.ย. โดยได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 22.29 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ดีดตัวขึ้น 7.10 ดอลลาร์ หรือ 0.59% สู่ระดับ 1,208.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเทียบเยนในวันนี้ หลังจากดีดตัวขึ้นในช่วงแรก ขณะที่สกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ร่วงลงเกือบ 0.5% ในวันนี้
นักลงทุนยังคงจับตาข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 21.38 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่า 0.12% สู่ระดับ 111.91 เยน ขณะที่ยูโรดีดตัวขึ้น 0.48% สู่ระดับ 130.82 เยน และพุ่งขึ้น 0.54% สู่ระดับ 1.1691 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.48% สู่ระดับ 94.48
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าได้สร้างความได้เปรียบแก่สหรัฐ ทำให้สหรัฐมีรายได้ และมีการสร้างงานมากขึ้น
"การเก็บภาษีนำเข้าได้ทำให้สหรัฐมีความได้เปรียบอย่างมากในการเจรจาต่อรอง และทำให้เม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์ และการสร้างงานกลับเข้ามาในประเทศของเรา ขณะที่ค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ถ้าประเทศใดไม่ทำข้อตกลงที่เป็นธรรมกับเรา ประเทศเหล่านั้นก็จะต้องถูกเก็บภาษีนำเข้า" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความดังกล่าว ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า จีนอาจยกเลิกการเจรจาการค้ากับสหรัฐ ถ้าหากสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์อย่างเร็วที่สุดในวันนี้ ขณะที่สหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนในอัตรา 10% แทนที่จะเป็น 25% ที่มีการพิจารณาในช่วงแรก