ราคาทองฟิวเจอร์ย่อตัวลงในวันนี้ โดยนักลงทุนเทขายทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังคลายวิตกต่อสถานการณ์ในอิตาลี จากการที่รัฐบาลอิตาลีประกาศแผนการปรับลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณ
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ในวันนี้
ณ เวลา 22.17 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ลบ 2.00 ดอลลาร์ หรือ 0.17% สู่ระดับ 1,205.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 114 เยน หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐในวันนี้
ณ เวลา 21.51 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.34% สู่ระดับ 114.05 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.24% สู่ระดับ 131.55 เยน และขยับลง 0.09% สู่ระดับ 1.1536 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.10% สู่ระดับ 95.60
ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 61.6 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการสร้างดัชนีดังกล่าวในปี 2551 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 58.0 จากระดับ 58.5 ในเดือนส.ค.
ดัชนีภาคบริการของสหรัฐยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ ขณะที่มีการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน
ผลสำรวจพบว่าภาคธุรกิจยังคงมีความเชื่อมั่นต่อภาวะธุรกิจในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต
ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นถึง 230,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. จากระดับ 168,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการจ้างงานภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.
การจ้างงานภาคเอกชนในเดือนก.ย.มีการเพิ่มขึ้นในวงกว้างทั่วทุกภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งธุรกิจขนาดใหญ่, กลาง และเล็ก
การจ้างงานในภาคบริการเพิ่มขึ้น 184,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ส่วนภาคการผลิตเพิ่มขึ้น 46,000 ตำแหน่ง
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่ง
เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนส.ค. โดยเพิ่มขึ้น 201,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 191,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.9% ในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 3.8%
นอกจากนี้ ตลาดยังรอการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายในวันนี้ ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด หลังจากที่เขากล่าววานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่สดใส และกำลังเข้าใกล้ยุคของอัตราการว่างงานที่ต่ำเป็นพิเศษ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับต่ำเช่นกัน
นายพาวเวลกล่าวว่า เพื่อป้องกันเงินเฟ้อที่จะตามมาพร้อมกับอัตราการว่างงานในระดับต่ำ เฟดจึงต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากที่ได้เริ่มวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.2558
ประธานเฟดระบุว่า เฟดสามารถสกัดอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น ด้วยการชี้นำการคาดการณ์ในตลาด แม้ว่าอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือนธ.ค. และปรับขึ้น 3 ครั้งในปีหน้า และอีก 1 ครั้งในปี 2563