สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันอังคาร
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.70 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ 1231.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 11.7 เซนต์ หรือ 0.79% ปิดที่ 14.676 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 3.9 ดอลลาร์ หรือ 0.47% ปิดที่ 831.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 10.50 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1% ปิดที่ 1112.30 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สัญญาทองคำได้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.ปี
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.52% แตะระดับ 96.45 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของทองคำ โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวลงไม่มาก เนื่องจากนักลงทุนส่วนหนึ่งเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลง 5.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 553,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2559 และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 4 เดือน
นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน