สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.30 ดอลลาร์ หรือ 0.43% ปิดที่ 1,233.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่ทั้งสัปดาห์ ขยับลงเล็กน้อย 0.2%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.1 เซนต์ หรือ 0.14% ปิดที่ 14.756 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 12.9 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 875.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 23.1 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 1,104.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้ สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด และตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงพุ่งขึ้นทะลุ 3% ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนต.ค. โดยเพิ่มขึ้น 250,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 และสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ หรือ 0.2% ในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายปี ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 3.1% ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงพุ่งขึ้นทะลุ 3% นับตั้งแต่ที่สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดีดขึ้น 0.14% แตะระดับ 96.52 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ราคาทองคำและดอลลาร์จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกัน กล่าวคือเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาทองคำจะปรับตัวลง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองคำ ซึ่งกำหนดราคาซื้อขายในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ