สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) เนื่องจากได้รับปัจจัยกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทองคำ เพราะทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 16.50 ดอลลาร์ หรือ 1.35% ปิดที่ 1,208.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 28.30 เซนต์ หรือ 1.96% ปิดที่ 14.14 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 14.3 ดอลลาร์ หรือ 1.64% ปิดที่ 856.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์แข็งค่าหลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. มิ.ย. และก.ย. ซึ่งจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้ ส่วนในปีหน้า เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง และอีก 1 ครั้งในปี 2563
นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีโอกาสมากกว่า 90% ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า โดยจากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้
ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาอาหารและพลังงาน
ด้านผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 98.3 ในเดือนพ.ย. แต่ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 98.0 หลังจากแตะระดับ 98.6 ในเดือนต.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 101.4 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี