สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากดัชนีดอลลาร์ที่ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.10 ดอลลาร์ หรือ 0.17% ปิดที่ 1,201.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.4 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 13.977 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 4.0 ดอลลาร์ หรือ 0.47% ปิดที่ 841.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.50 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1092.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ขยับลง 0.2% แตะระดับ 97.361 เมื่อคืนนี้
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมองว่าดัชนีดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ซึ่งลดความน่าดึงดูดของทองคำ เพราะทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นราว 5.7% นับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าและสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ
นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีโอกาสมากกว่า 90% ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า โดยจากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้