ราคาทองฟิวเจอร์ย่อตัวลงในวันนี้ ขณะที่ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่อ่อนค่าลงในช่วงแรก หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 18-19 ธ.ค. 2561 ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 23.56 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลบ 2.60 ดอลลาร์ หรือ 0.20% สู่ระดับ 1,289.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ณ เวลา 23.59 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.11% สู่ระดับ 108.28 เยน ขณะที่ปรับตัวขึ้น 0.19% สู่ระดับ 1.1519 เทียบยูโร ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.21% สู่ระดับ 95.42
รายงานเฟดระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่สามารถอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยกรรมการเฟดหลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดการเงิน และรายงานที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
รายงานการประชุมเฟดยังระบุด้วยว่า "กรรมการหลายคนกล่าวว่า ก่อนที่เฟดจะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งนั้น เฟดจำเป็นจะต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา"
ในการประชุมซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 18-19 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ มีมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.25-2.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 4 ในปี 2561
ขณะเดียวกัน นักลงทุนรอความชัดเจนของผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ทั้งนี้ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้สิ้นสุดลงเมื่อวานนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างละเอียด และครอบคลุมเกี่ยวกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่เป็นข้อกังวลร่วมกัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเข้าใจระหว่างกันและปูทางในการแก้ไขความกังวลของแต่ละฝ่าย ขณะที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เปิดเผยว่า จีนได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะซื้อสินค้าจำนวนมากจากสหรัฐ ทั้งในด้านการเกษตร พลังงาน รวมทั้งสินค้าในภาคการผลิตและบริการ ซึ่งทาง USTR จะหามาตรการเพื่อทำให้มั่นใจว่า จีนจะดำเนินการตามที่ได้ให้สัญญาไว้
ส่วนในอนาคตอันใกล้ สหรัฐและจีนจะจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี โดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเข้าร่วมการประชุม
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการประกาศกำหนดการเจรจาการค้าในรอบต่อไปของทั้ง 2 ฝ่าย
หากสหรัฐและจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนวันที่ 2 มี.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้