สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า ข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโกและจีน อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 18.70 ดอลลาร์ หรือ 1.45% ปิดที่ 1,311.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 7.60 เซนต์ หรือ 0.52% ปิดที่ 14.567 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 0.1 ดอลลาร์ หรือ 0.01% ปิดที่ 794.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 34.20 ดอลลาร์ หรือ 2.50% ปิดที่ 1,331.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองได้แรงหนุน เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความตื่นตระหนกต่อตลาดด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าทั้งหมดจากเม็กซิโกในอัตรา 5% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.นี้ โดยปธน.ทรัมป์มีเป้าหมายที่จะกดดันให้รัฐบาลเม็กซิโกสกัดการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายที่ข้ามพรมแดนเข้าสู่สหรัฐ
นักวิเคราะห์ระบุว่า แนวโน้มที่สหรัฐจะเก็บภาษีเม็กซิโก เยอรมนี และประเทศอื่นๆ ในยูโรโซน จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองด้วย
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงด้วย โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.32% สู่ระดับ 97.82
ทั้งนี้ ราคาทองมักปรับตัวสวนทางกับดอลลาร์ โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น