ราคาทองฟิวเจอร์ดิ่งลงกว่า 1% ในวันนี้ หลุดระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน โดยได้รับผลกระทบจากดอลลาร์ที่แข็งค่า รวมทั้งข่าวที่ว่า สหรัฐได้ระงับการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก ส่งผลให้ทองสูญเสียความน่าดึงดูดในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ณ เวลา 01.06 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 15.0 ดอลลาร์ หรือ 1.11% สู่ระดับ 1,331.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์ดีดตัวสู่ช่วงกลางของกรอบ 108 เยน โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวล หลังจากที่สหรัฐได้ระงับการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศสามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายจากเม็กซิโก
ณ เวลา 22.13 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.30% สู่ระดับ 108.50 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.15% สู่ระดับ 122.77 เยน และร่วงลง 0.14% สู่ระดับ 1.1315 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.22% สู่ระดับ 96.76
ดอลลาร์อ่อนค่าลงในช่วงแรก ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยจะดำเนินการอย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้า หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอเกินคาดของสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกจะถูกระงับต่อไปโดยไม่มีกำหนด ขณะที่เขาแสดงความเชื่อมั่นว่า เม็กซิโกจะทำการกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายจากอเมริกากลาง
นายมาร์เซโล เอบราร์ด รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโก เปิดเผยว่า รัฐบาลเม็กซิโกจะส่งทหาร 6,000 นายเข้าไปประจำการในพื้นที่ชายแดนตอนใต้ซึ่งอยู่ติดกับกัวเตมาลา เพื่อสกัดกั้นการหลั่งไหลของผู้อพยพ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าจากเม็กซิโก ในอัตรา 5% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. และจะเพิ่มขึ้นทุกเดือนจนแตะระดับ 25% ในวันที่ 1 ต.ค. ถ้าเม็กซิโกไม่สามารถสกัดการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายที่ข้ามพรมแดนเข้าสู่สหรัฐ